ถนนพระนางกาไว
ณ ที่เชิงเขาสระบาป
นานมาแล้วเมื่อราว พ.ศ. 1200-1800 คือกว่า 800-1,400 ปีที่แล้วมีกษัตริย์ผู้ครองนครโบราณทรงพระนามว่า
พระเจ้าพรหมทัต(บางคนก็ว่าทรงพระนามว่า เจ้าบริพงษ์วงษ์สุริยาฆาต)
มีอัครมเหสีและมีราชโอรสด้วยกันสองพระองค์
ต่อมาพระเอกอัครมเหสีสิ้นพระชนม์พระองค์จึงได้ทรงอภิเษกกับมเหสีองค์ใหม่ทรงพระนามว่าพระนางกาไวผู้ทรงมีพระศิริโฉมงดงาม
ซึ่งต่อมาพระนางก็ก่อความขัดแย้งกับราชโอรสของพระเจ้าพรมทัตจนกระทั่งต้องขาดแยกจากกัน
พระนางกาไว
เมื่อมีอำนาจใหญ่ยิ่งแล้วพระนางก็ทรงทำนุบำรุงไพร่พลให้เข้มแข็ง เตรียมไว้รับศึก
ซึ่งทรงตระหนักว่าจะเกิดจากเจ้าบริพงษ์ราชบุตรบุญธรรมและเจ้าวงษ์สุริยามาศราชบุตรบุญธรรมแห่งเมืองสามสิบซึ่งหนีขึ้นไปสร้างเมืองใหม่อยู่ทางตอนเหนือกลับมาล้างแค้น
ด้วยอำนาจบารมีของพระนางข้างต้นนั้นเมืองจันทบูรหรือจันทบุรีโบราณจึงเป็นที่เรียกกันติดปากว่า
“เมืองกาไว” ซึ่งพระนางกาไวได้ทรงพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญขึ้นมามากมาย อันมีถนนพระนางกาไวถูกทิ้งไว้เป็นหลักฐานตามตำนาน
จาก Jetta Premium Farm ไปทางทิศตะวันตก 4 กิโลเมตร
Add a caption to enhance the meaning of this image.
ถนนพระนางกาไว
ณ ที่เชิงเขาสระบาป นานมาแล้วเมื่อราว พ.ศ. 1200-1800 คือกว่า 800-1,400 ปีที่แล้วมีกษัตริย์ผู้ครองนครโบราณทรงพระนามว่า พระเจ้าพรหมทัต(บางคนก็ว่าทรงพระนามว่า เจ้าบริพงษ์วงษ์สุริยาฆาต) มีอัครมเหสีและมีราชโอรสด้วยกันสองพระองค์ ต่อมาพระเอกอัครมเหสีสิ้นพระชนม์พระองค์จึงได้ทรงอภิเษกกับมเหสีองค์ใหม่ทรงพระนามว่าพระนางกาไวผู้ทรงมีพระศิริโฉมงดงาม ซึ่งต่อมาพระนางก็ก่อความขัดแย้งกับราชโอรสของพระเจ้าพรมทัตจนกระทั่งต้องขาดแยกจากกัน
พระนางกาไว เมื่อมีอำนาจใหญ่ยิ่งแล้วพระนางก็ทรงทำนุบำรุงไพร่พลให้เข้มแข็ง เตรียมไว้รับศึก ซึ่งทรงตระหนักว่าจะเกิดจากเจ้าบริพงษ์ราชบุตรบุญธรรมและเจ้าวงษ์สุริยามาศราชบุตรบุญธรรมแห่งเมืองสามสิบซึ่งหนีขึ้นไปสร้างเมืองใหม่อยู่ทางตอนเหนือกลับมาล้างแค้น ด้วยอำนาจบารมีของพระนางข้างต้นนั้นเมืองจันทบูรหรือจันทบุรีโบราณจึงเป็นที่เรียกกันติดปากว่า “เมืองกาไว” ซึ่งพระนางกาไวได้ทรงพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญขึ้นมามากมาย อันมีถนนพระนางกาไวถูกทิ้งไว้เป็นหลักฐานตามตำนาน
จาก Jetta Premium Farm ไปทางทิศตะวันตก 4 กิโลเมตร