สร้างรายได้เพิ่ม-สร้างโอกาสสูงสุด

สร้างวิถีใหม่ให้กับชาวสวนเมืองจันท์
"   เป็นความท้าทายของ     Jetta Premium Farm  

              ชาวสวนผลไม้เมืองจันท์โดยเฉพาะชาวสวนรายย่อย...จะต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดีที่สุด  !!!

                ...ผลไม้เมืองจันท์แม้ว่าเป็นผลไม้ที่มีคุณภาพสูงแต่ทว่ามีราคาถูกยิ่งเนื่องจากขาดระบบการตลาดที่ฉลาดกับระบบโลจิสติกส์ฉลาด และถูกผูกขาดโดยบรรดาพ่อค้าล้งจีน-พ่อค้าล้งไทย

                                @   ชาวสวนยุคดั้งเดิมในอดีตมีรายได้ไม่มากนักจากการขายผลไม้อยู่ในสวนหรือนำออกมาขายริมทาง ซึ่งมักจะถูกพ่อค้ากดราคาหรือให้ราคาต่ำเนื่องจากตลาดเป็นตลาดขนาดเล็ก-การขนส่งจากแหล่งเมืองจันท์ไปยังตลาดกลางในจังหวัดอื่นๆหรือในกรุงเทพฯซึ่งมีระยะทางไกล-ถนนหนทางมีสภาพไม่ดี-ยานยนต์(รถบรรทุก-ปิ๊กอัพ)สำหรับขนส่งมีขนาดเล็กสิ้นเปลืองเชื้อมากและมีราคาแพงทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายสูง

                                                #   มูลค่าทั้งหมดของผลผลิตผลไม้เมืองจันท์จึงกลายเป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งกับกำไรของพ่อค้าจนสิ้น  

                                                                 $   เจ้าของสวนรอคอยผลไม้เป็นผลผลิตได้ปีละ1ครั้ง(ใน365วัน)   ชาวสวนจึงได้รับเงินรายได้เพียงแค่ครั้งเดียว  คิดคำนวณเป็นผลผลิตผลไม้ต่อ1หน่วยน้ำหนัก กก ต่อ 1 วัน ขายเป็นรายได้ไม่มาก   ยิ่งหากหักค่าแรง-ค่ากิน-ค่าปุ๋ย-ค่ายา-ค่าน้ำมัน-ค่ายานยนต์-ค่าเครื่องจักรกล-ค่าเครื่องมือเครื่องใช้-ค่าภาชนะ-ค่าโทรศัพท์-ค่าภาษี(รายปี)...แล้วชาวสวน/เกษตรกรเกือบไม่เหลือรายได้!!!  ชาวสวนตลอดทั้งชีวิตจึงไม่ร่ำรวย

                                                                 $   พ่อค่านายทุนซื้อไปขายมาในช่วงฤดูกาลเพียง 30-45 วัน ได้รับเงินรายได้ไม่น้อยโดยมีข้อได้เปรียบที่ว่า ภายใน 2-3 วันสามารถขายสินค้าผลไม้ต่อ 1 หน่วยน้ำหนัก กก ต่อ 1 วัน เป็นรายได้ไม่น้อย   แม้หักค่าแรง-ค่ากิน-ค่าน้ำมัน-ค่ายานยนต์-ค่าเครื่องมือเครื่องใช้- ค่าโทรศัพท์-ค่าภาษี(อาจไม่เสีย) ก็ยังเหลือรายได้กำไรเป็นเงินจำนวนมาก   พ่อค้านายทุนเพียงแค่ค้าขายซื้อไปขายมาในเวลาไม่กี่ปีมีฐานะร่ำรวย โดยเฉพาะนายทุนจีนที่มากวาดต้อนซื้อผลไม้เมืองจันท์กับซื้อ/จับจองเป็นเจ้าของสวนผลไม้(ตรวจสอบได้จากบัญชีทรัพย์สินของบรรดาพ่อค้านายทุน-เจ้าของกิจการค้าขาย/นำเข้าส่งออก) 

                                @   ชาวสวนยุคปัจจุบันก็ยังมีรายได้ไม่มากนักจากการขายผลไม้ให้กับล้งจีน-ล้งไทย(ส่งต่อให้กับจีน  3 รายใหญ่ที่คุมอำนาจการตลาดไว้แบบเบ็ดเสร็จในมือด้วยการกำหนดกลยุทธ์   ตัดขาดราคาทุเรียน/ผลไม้เมืองจันท์ ณ ท่าสินค้า/ท่าเรือ- ณ ด่านชายแดนในประเทศจีน    ซึ่ง ณ  ประเทศจีนนั้น   3       ล้งจีนรายใหญ่สามารถตั้งราคา ณ จุดส่งลงได้อย่างอำเภอใจ ความเสี่ยงทั้งหมดตกอยู่กับชาวสวนกับตกอยู่กับเจ้าของล้งไทย) ซึ่งล้งทั้งไทยและล้งจีนมักจะใช้นโยบายกว้านซื้อผลไม้/ทุเรียน(อ่อน)ล่วงหน้าในราคาที่ไม่แพงนักและใช้โอกาสนี้กดราคาผลไม้ในภายหลัง   ล้งจีน      รายใหญ่สามารถกำหนดกลยุทธ์ค้าผลไม้เมืองจันท์ได้ทั้งหมดเนื่องจากกระบวนการโลจิสติกส์ทั้งหมดอยู่ในมือแบบเบ็ดเสร็จและวางแผนก่ออุบายอ้างว่าผลผลิตที่ออกมามีคุณภาพต่ำกว่าที่ประเมินไว้-ตลาดต่างประเทศไม่ต้องการ หรืออ้างว่าเกิดการปลอมปนทุเรียนอ่อน(60-%)ออกไปจนเกิดปัญหาตรวจรับสินค้าปลายทางมิอาจนำผลไม้ลงจากเรือ/จากรถยนต์บรรทุกได้ ผลไม้จึงตกค้างอยู่ในเรือ/ตกค้างอยู่ ณ ท่าเรือ/ติดค้างในรถยนต์บรรทุกเป็นจำนวนมาก(ในความเป็นจริงก็คือส่วนใหญ่เป็นกลอุบายที่มีการวางแผนไว้อย่างแยบยลเป็นกระบวนการเพื่อกดราคาผลไม้เมืองจันท์ให้อยู่หมัด และ/หรืออ้างว่าการขนส่งมีต้นทุนสูงขึ้นและมีค่าโสหุ้ยแพงขึ้น)

                                                # มูลค่าทั้งหมดของผลผลิตผลไม้จันท์จึงกลายเป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งกับกำไรของล้งไทย(บางส่วน)-ล้งจีน(3รายใหญ่ครองคลุม 3 เขตการค้าในประเทศจีนซึ่งคนไทยแท้จริงแล้วมิอาจเข้าถึงตลาดจีนอย่างเสรีได้เลย  มันทั้งหมดเป็นอธิปไตยของจีน)เสียทั้งหมดจนสิ้น 

                                                                 $   เจ้าของสวนผลไม้เมืองจันท์รอคอยผลไม้เป็นผลผลิตได้ปีละ1ครั้ง(ใน365วัน)ชาวสวนได้รับเงินรายได้ครั้งเดียว สภาพการณ์ไม่ต่างกับการขายในสวนและ/หรือการนำออกมาขายริมทางที่เป็นวิธีการดั้งเดิม    ชาวสวนเกือบไม่เหลืออะไร!!!   ตลอดทั้งชีวิตชาวสวนจึงไม่ร่ำรวย  

                                                                 $   เจ้าของล้งไทย-ล้งจีน(3รายใหญ่)ซื้อผลไม้ส่งออกไปต่างประเทศในช่วงฤดูกาลเพียง 30-45 วัน ได้รับเงินรายได้มากมายมหาศาลโดยมีข้อได้เปรียบที่ว่า ภายใน 7-15 วันสามารถขายสินค้าผลไม้ต่อ1หน่วยน้ำหนัก กก ต่อ 1 วัน เป็นรายได้เป็นกอบเป็นกำในราคาตลาดต่างประเทศ   แม้หักค่าแรง-ค่ากิน-ค่าโลจิสติกส์ทั้งระบบ-ค่าสิ่งของเครื่องใช้-ค่าโทรศัพท์-ค่าภาษี(อาจไม่เสีย) ก็ยังมีเหลือเป็นกำไรจำนวนมาก   เจ้าของล้งไทย-ล้งจีน(3รายใหญ่)ในเวลา 2-3 ปีมีฐานะร่ำรวยมหาศาล  

                                ความคิดสร้างสรรค์หาวิธีการเข้าช่วยเหลือ “สร้างโอกาสชาวสวนผลไม้ให้ร่ำรวยมีรายได้จากผลผลิตผลไม้ต่อ1หน่วยน้ำหนัก กก ต่อ 1 วันในอัตราตัวเลขสูงสุด” คือความท้าทายสูงสุด  วิธีคิดและแนวทางปฏิบัติเช่นนี้แท้จริงแล้วก็คือ “กู้บ้านกู้เมือง”-“สร้างบ้านสร้างเมือง” ให้เกิดมีขึ้นกับเมืองจันท์/ให้เกิดกับชาวจันท์

 

สร้างรายได้เพิ่ม-สร้างโอกาสให้กับชาวสวนผลไม้เมืองจันท์

                                ปัจจุบันชาวสวนทุเรียนเมืองจันท์รายใหญ่ได้ถูกลดสถานะตนเองจากความเป็นชาวสวนทุเรียนมืออาชีพไปสู่การเป็นชาวสวนผู้ตกเป็นเบี้ยล่างของพ่อค้าล้งจีน(     รายใหญ่)ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ชาวจีนเป็นผู้กำหนดนโยบายตัดทุเรียนอ่อนคุณภาพต่ำ-ราคาถูกได้อย่างอิสระเสรี  ในการนี้ ล้งจีนจะว่าจ้าง/มีมือตัดทุเรียนเป็นของตนเอง(ซึ่งมักตัดทุเรียนแบบกวาดต้น-ตัดทุกลูกลงมาจากต้น) และกำหนดระบบโลจิสติกส์จากต้นทางไปถึงปลายทางที่มีราคาแพงยิ่งซึ่งชาวสวนจำยอมต้องใช้บริการขนส่งอย่างไม่มีทางเลือกหรือไม่สามารถปฏิเสธได้  ประการสำคัญคือ  ชาวจีนในประเทศจีนเองถูกยัดเยียดโดยล้งจีนให้รับประทานทุเรียนไร้คุณภาพที่ระดับความแก่สุก    60-70%    เท่านั้น  

                                ทุเรียนเมืองจันท์นับวันภายใต้ระบบการค้าของพ่อค้าล้งจีนนับวันแต่จะด้อยโอกาสและมีรายได้ลดน้อยถอยลง(ไม่ต่างกับชาวสวนยางพารา-ซึ่ง(ข้า)ราชการไทยในปัญหาดังกล่าวนี้ก็ไม่สามารถสร้างกลไกใดๆเข้าช่วยเหลือชาวสวนยางพาราได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนดังเช่นที่มันปรากฎการณ์ที่เราเห็นมาถึงทุกวันนี้)

 

    จากรายย่อยนำสู่การเปลี่ยนแปลงของรายใหญ่        

                                -ส่งเสริมให้ชาวสวนยึดมั่นในผลไม้เมืองจันท์โดยเฉพาะทุเรียนคุณภาพพรีเมียมในระดับความแก่สุก  80+%        เพื่อสร้างจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นสัญลักษณ์ของการเป็น   “มหานครผลไม้” ให้กับเมืองจันท์

                        -ส่งเสริมให้ชาวสวนมีส่วนร่วมในการตั้งราคาทุเรียนเมืองจันท์คุณภาพพรีเมียมให้มีราคาสูงมากกว่าราคาทุเรียนที่ระดับความสุกเพียง   60+ - 70%       อย่างชัดเจนเพื่อให้ชาวสวนมีรายได้เพิ่มขึ้น

                                -ส่งเสริมให้มีการจัดระบบการขายทุเรียนเมืองจันท์แบบออนไลน์และแบบ       E – Commerce       ที่สามารถเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างชาวสวนกับผู้บริโภคในลักษณะ  Garden to Door    หรือ  Farm to Home    ด้วยระบบการขนส่งที่ทันสมัย

                                -ส่งเสริมให้มีการนำส่งทุเรียนเมืองจันท์คุณภาพพรีเมียมจากสวนถึงมือผู้บริโภคสามารถกระทำได้ในระยะเวลาอันสั้น  1-3       วันภายในประเทศ/   4-7   วันส่งออกไปยังต่างประเทศให้ผู้บริโภคได้บริโภคทุเรียนใหม่สดให้มากที่สุดเท่าที่ชาวสวนพึงจะสามารถจะร่วมกันกระทำในสิ่งดีๆเช่นนี้ได้   

                             “เรา  :   Jetta Premium  Farm   – Kerry       นำร่องมุ่งช่วยเหลือสร้างรายได้เพิ่มและสร้างโอกาสให้กับชาวสวนในการกำหนดราคาผลไม้และสร้างโอกาสให้กับผู้บริโภคได้สามารถลิ้มรสผลไม้คุณภาพสูงสุดได้ภายใต้เทคโนโลยีแห่งยุคโลกาภิวัตน์ที่เอื้ออำนวย”

 

 

หมายเหตุ

            -เปลี่ยนความเชื่อว่าการตัดทุเรียนที่ระดับความแก่สุก 80+%   แท้จริงแล้วจะไม่ทำให้ต้นทุเรียนมีสภาพเสื่อมโทรมลง

                -เปลี่ยนวิธีคิดในการชิงตัดทุเรียนอ่อน ( 60 – 70%) ก่อนฤดูกาลให้ได้มาซึ่งเงินเป็นก้อนแต่กลับเป็นรายได้ต่ำมากบนทุเรียนที่มีราคาถูกยิ่งซึ่งรายได้รวมไม่คุ้มค่ากับการรอคอยเป็นระยะเวลา 365 วัน  โดยส่งเสริมให้ชาวสวนตัดทุเรียนระดับความแก่สุก 80+% ที่เป็นทุเรียนคุณภาพพรีเมียมซึ่งสร้างรายได้บนราคาที่สูงมากกว่า

                -เปลี่ยนวิธีคิดในการคิดน้ำหนักขายทุเรียนอ่อน ( 60 – 70%) ซึ่งหนักมากแต่มีราคาต่อหน่วย(กก)ต่ำมากให้เป็นการคิดน้ำหนักขายทุเรียนแก่ ( 80+% -  95-98-100%) ที่มีราคาต่อหน่วย(กก)สูงกว่าอันจะทำให้มีได้รายได้โดยรวมสูงมากกว่าและเป็นที่มาของรายได้ดียั่งยืน

                -เปลี่ยนวิถีชีวิตชาวสวนรายย่อยให้เข้าถึงบริบทของการค้าขายทุเรียนคุณภาพทางอิเล็กทรอนิกส์(ออนไลน์และ   E – Commerce )ซึ่งมันกำลังเข้ามาสู่ชีวิตของชาวสวนกับของผู้บริโภคโดยที่มิอาจจะปฏิเสธได้